ข้อสอบมีทั้งหมด
40 ข้อ ให้เลือก
ข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 9 หมวด 53 มาตรา ข. 8 หมวด 52 มาตรา
ค. 9 หมวด 54 มาตรา ง. 8 หมวด 54 มาตรา
2. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ให้ไว้ ณ วันที่เท่าใด
ก. 9 มกราคม 2546 ข. 9 ตุลาคม 2546
ค. 9 กุมภาพันธ์ 2546 ง. 9 พฤศจิกายน 2546
3. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 นี้ใช้บังคับตั้งแต่วันใด
1. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 9 หมวด 53 มาตรา ข. 8 หมวด 52 มาตรา
ค. 9 หมวด 54 มาตรา ง. 8 หมวด 54 มาตรา
2. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ให้ไว้ ณ วันที่เท่าใด
ก. 9 มกราคม 2546 ข. 9 ตุลาคม 2546
ค. 9 กุมภาพันธ์ 2546 ง. 9 พฤศจิกายน 2546
3. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 นี้ใช้บังคับตั้งแต่วันใด
ก.
วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. ไม่มีข้อใดถูก
4. การปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกานี้ จะปฏิบัติเมื่อใด และต้องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามที่ผู้ใดกำหนด
ก. เลขาธิการรัฐมนตรีกำหนด ข. เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนด
ค. นายกรัฐมนตรีกำหนด ง. คณะรัฐมนตรีกำหนด
5. การปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกานี้จะปฏิบัติเมื่อใด และต้องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามที่ผู้ใดเสนอ
ก. ก.พ.ร. ข. ครม. ค. กกต. ง. พ.ต.ท.
6. ตามพระราชกฤษฎีกานี้ คำว่า “ส่วนราชการ” หมายถึง
ก. ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม
ข. หน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกำกับของส่วนราชการฝ่ายบริหาร
ค. ถูกทั้งข้อ 1. และ 2.
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ข. ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. ไม่มีข้อใดถูก
4. การปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกานี้ จะปฏิบัติเมื่อใด และต้องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามที่ผู้ใดกำหนด
ก. เลขาธิการรัฐมนตรีกำหนด ข. เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนด
ค. นายกรัฐมนตรีกำหนด ง. คณะรัฐมนตรีกำหนด
5. การปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกานี้จะปฏิบัติเมื่อใด และต้องมีเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามที่ผู้ใดเสนอ
ก. ก.พ.ร. ข. ครม. ค. กกต. ง. พ.ต.ท.
6. ตามพระราชกฤษฎีกานี้ คำว่า “ส่วนราชการ” หมายถึง
ก. ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม
ข. หน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกำกับของส่วนราชการฝ่ายบริหาร
ค. ถูกทั้งข้อ 1. และ 2.
ง. ไม่มีข้อใดถูก
7.
ตามพระราชกฤษฎีนี้ คำว่า “ส่วนราชการ” ไม่รวมถึง
ก. องค์การบริหารส่วนจังหวัด ข. การปกครองส่วนภูมิภาค
ค. การปกครองส่วนกลาง ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
8. ตามพระราชกฤษฎีกานี้ คำว่า “รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า อย่างไร
ก. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติ
ข. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา
ค. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎกระทรวง
ง. ถูกหมดทั้ง 1. และ 2.
9. ตามพระราชกฤษฎีกานี้ คำว่า “ข้าราชการ” ตามพระราชกฤษฎีกานี้หมายความรวมถึงใครบ้าง
ก. พนักงาน ข. ลูกจ้าง
ค. ผู้ปฏิบัติงานในส่วนราชการ ง. ถูกทุกข้อ
10. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รองนายกรัฐมนตรี
ค. คณะรัฐมนตรี ง. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
11. ข้อใดเป็นการบริหารเพื่อบรรลุเป้าหมายของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ก. เกิดประโยชน์สุขของประชาชน
ข. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
ค. มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
ง. ถูกหมดถูกข้อ
12. การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีได้แก่การบริหารราชการเพื่อบรรลุเป้าหมายดังข้อใด
ก. ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น
ข. มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์
ค. ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและการได้รับการตอบสนองความต้องการ
ง. ถูกหมดทุกข้อ
13. การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึงข้อใด
ก. การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุกของประชาชน
ข. การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
ค. การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความสงบและปลอดภัยของสังคมส่วนรวม
ง. ถูกหมดทุกข้อ
14. การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนราชการจะดำเนินการโดยถือว่าประชาชนเป็นเช่นใด
ก. ประชาชนเป็นมิตรกับส่วนราชการ
ข. ส่วนราชการเป็นศูนย์กลางของประชาชนในด้านการใช้อำนาจ
ค. ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการได้รับการบริการจากภาครัฐ
ง. ถูกหมดทุกข้อ
15. การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่ออะไร
ก. เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ข. เพื่อประโยชน์สุขของข้าราชการ
ค. เพื่อประโยชน์สุขของหน่วยงานราชการ
ง. ถูกหมดทุกข้อ
16. การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่ออะไร
ก. เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ข. เพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ
ค. เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
ง. ถูกหมดทุกข้อ
17. การปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการต้องเป็นไปโดยข้อใด
ก. ความซื่อสัตย์ สุจริต ข. สามารถตรวจสอบได้
ค. เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน ง. ถูกหมดทุกข้อ
18. ข้าราชการมีหน้าที่ต้องคอยรับฟัง ความคิดเห็นและความพึงพอใจของสังคมโดยรวมเพื่ออะไร
ก. เพื่อปรับปรุงหรือเสนอแนะต่อผู้บังคับบัญชา
ข. เพื่อให้มีการปรับปรุงวิธีการปฏิบัติราชการให้เหมาะสม
ค. ถูกทั้งข้อ 1. และ 2.
ง. ไม่มีข้อใดถูก
19. ในกรณีที่เกิดปัญหา และอุปสรรค จากการดำเนินการ ส่วนราชการต้องดำเนินการอย่างไร
ก. แก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว
ข. แก้ไขปัญหาตามแผนของส่วนราชการนั้น
ค. รีบทำหนังสือปรึกษา ก.พ.ร.
ง. รีบทำหนังสือปรึกษาคณะรัฐมนตรี
20. ส่วนราชการต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา และอุปสรรคนั้นแล้วต้องแจ้งให้ใครทราบ
ก. ครม. ข. รมต. ค. ปปช. ง. ก.พ.ร.
21. กรณีที่ส่วนราชการกำหนดวิธีการปฏิบัติให้เหมาะสมกับภารกิจแต่ละเรื่อง ให้ผู้ใดเป็นผู้กำหนดแนวทางการดำเนินการทั่วไป
ก. ครม. ข. รมต. ค. บ.ข.ส. ง. ก.พ.ร.
22. การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการ ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐ เป็นการบริหารราชการแบบใด
ก. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
ข. เกิดประโยชน์สุขของประชาชน
ค. มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
ง. เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
23. ในการบริหารราชการ ก่อนจะดำเนินการสิ่งใด ส่วนราชการต้องดำเนินการตามข้อใด
ก. แจ้งให้ประชาชนทราบก่อนเสมอ
ข. โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ
ค. วิเคราะห์ผลการปฏิบัติล่วงหน้าไว้ก่อน
ง. จัดทำแผนปฏิบัติราชการไว้เป็นการล่วงหน้า
24. การกำหนดแผนปฏิบัติราชการต้องมีรายละเอียดใดบ้าง
ก. ระยะเวลาและงบประมาณ ข. ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ
ค. ตัวชี้วัดความสำเร็จของภารกิจ ง. ถูกทุกข้อ
25. ส่วนราชการต้องจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ส่วนราชการกำหนดขึ้นต้องสอดคล้องกับมาตรฐานที่ใครกำหนด
ก. ครม. ข. รมต. ค. ปปป. ง. ก.พ.ร.
26. ในกรณีที่การปฏิบัติภารกิจของราชการ เกิดผลกระทบต่อประชาชนเป็นหน้าที่ของผู้ใดต้องดำเนินการแก้ไข
ก. ส่วนราชการ ข. หัวหน้าส่วนราชการ
ค. เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ง. ก.พ.ร.
ก. องค์การบริหารส่วนจังหวัด ข. การปกครองส่วนภูมิภาค
ค. การปกครองส่วนกลาง ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
8. ตามพระราชกฤษฎีกานี้ คำว่า “รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า อย่างไร
ก. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติ
ข. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา
ค. รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎกระทรวง
ง. ถูกหมดทั้ง 1. และ 2.
9. ตามพระราชกฤษฎีกานี้ คำว่า “ข้าราชการ” ตามพระราชกฤษฎีกานี้หมายความรวมถึงใครบ้าง
ก. พนักงาน ข. ลูกจ้าง
ค. ผู้ปฏิบัติงานในส่วนราชการ ง. ถูกทุกข้อ
10. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ก. นายกรัฐมนตรี ข. รองนายกรัฐมนตรี
ค. คณะรัฐมนตรี ง. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
11. ข้อใดเป็นการบริหารเพื่อบรรลุเป้าหมายของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ก. เกิดประโยชน์สุขของประชาชน
ข. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
ค. มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
ง. ถูกหมดถูกข้อ
12. การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีได้แก่การบริหารราชการเพื่อบรรลุเป้าหมายดังข้อใด
ก. ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น
ข. มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์
ค. ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและการได้รับการตอบสนองความต้องการ
ง. ถูกหมดทุกข้อ
13. การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึงข้อใด
ก. การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุกของประชาชน
ข. การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
ค. การปฏิบัติราชการที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความสงบและปลอดภัยของสังคมส่วนรวม
ง. ถูกหมดทุกข้อ
14. การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนราชการจะดำเนินการโดยถือว่าประชาชนเป็นเช่นใด
ก. ประชาชนเป็นมิตรกับส่วนราชการ
ข. ส่วนราชการเป็นศูนย์กลางของประชาชนในด้านการใช้อำนาจ
ค. ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการได้รับการบริการจากภาครัฐ
ง. ถูกหมดทุกข้อ
15. การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่ออะไร
ก. เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ข. เพื่อประโยชน์สุขของข้าราชการ
ค. เพื่อประโยชน์สุขของหน่วยงานราชการ
ง. ถูกหมดทุกข้อ
16. การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่ออะไร
ก. เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ข. เพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ
ค. เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
ง. ถูกหมดทุกข้อ
17. การปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการต้องเป็นไปโดยข้อใด
ก. ความซื่อสัตย์ สุจริต ข. สามารถตรวจสอบได้
ค. เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน ง. ถูกหมดทุกข้อ
18. ข้าราชการมีหน้าที่ต้องคอยรับฟัง ความคิดเห็นและความพึงพอใจของสังคมโดยรวมเพื่ออะไร
ก. เพื่อปรับปรุงหรือเสนอแนะต่อผู้บังคับบัญชา
ข. เพื่อให้มีการปรับปรุงวิธีการปฏิบัติราชการให้เหมาะสม
ค. ถูกทั้งข้อ 1. และ 2.
ง. ไม่มีข้อใดถูก
19. ในกรณีที่เกิดปัญหา และอุปสรรค จากการดำเนินการ ส่วนราชการต้องดำเนินการอย่างไร
ก. แก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว
ข. แก้ไขปัญหาตามแผนของส่วนราชการนั้น
ค. รีบทำหนังสือปรึกษา ก.พ.ร.
ง. รีบทำหนังสือปรึกษาคณะรัฐมนตรี
20. ส่วนราชการต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา และอุปสรรคนั้นแล้วต้องแจ้งให้ใครทราบ
ก. ครม. ข. รมต. ค. ปปช. ง. ก.พ.ร.
21. กรณีที่ส่วนราชการกำหนดวิธีการปฏิบัติให้เหมาะสมกับภารกิจแต่ละเรื่อง ให้ผู้ใดเป็นผู้กำหนดแนวทางการดำเนินการทั่วไป
ก. ครม. ข. รมต. ค. บ.ข.ส. ง. ก.พ.ร.
22. การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการ ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐ เป็นการบริหารราชการแบบใด
ก. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ
ข. เกิดประโยชน์สุขของประชาชน
ค. มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ
ง. เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน
23. ในการบริหารราชการ ก่อนจะดำเนินการสิ่งใด ส่วนราชการต้องดำเนินการตามข้อใด
ก. แจ้งให้ประชาชนทราบก่อนเสมอ
ข. โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ
ค. วิเคราะห์ผลการปฏิบัติล่วงหน้าไว้ก่อน
ง. จัดทำแผนปฏิบัติราชการไว้เป็นการล่วงหน้า
24. การกำหนดแผนปฏิบัติราชการต้องมีรายละเอียดใดบ้าง
ก. ระยะเวลาและงบประมาณ ข. ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ
ค. ตัวชี้วัดความสำเร็จของภารกิจ ง. ถูกทุกข้อ
25. ส่วนราชการต้องจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ส่วนราชการกำหนดขึ้นต้องสอดคล้องกับมาตรฐานที่ใครกำหนด
ก. ครม. ข. รมต. ค. ปปป. ง. ก.พ.ร.
26. ในกรณีที่การปฏิบัติภารกิจของราชการ เกิดผลกระทบต่อประชาชนเป็นหน้าที่ของผู้ใดต้องดำเนินการแก้ไข
ก. ส่วนราชการ ข. หัวหน้าส่วนราชการ
ค. เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ง. ก.พ.ร.
27.
ให้ส่วนราชการมีหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติราชการของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้าคณะผู้แทนในต่างประเทศ
เพื่ออะไร
ก. เพื่อให้การบูรณาการงานต่างๆ ในจังหวัดหรือในต่างประเทศ สามารถยืนยันตามแนว
ทางเศรษฐกิจพอเพียง
ข. เพื่อให้จังหวัดหรือในต่างประเทศแล้วแต่กรณี สามารถใช้ติดต่อกับประชาชนได้โดย
ตรงโดยใช้อำนาจตามกฎหมายได้ครบถ้วน
ค. เพื่อให้การบริหารราชการแบบบูรณาการในจังหวัดหรือในต่างประเทศ แล้วแต่กรณี
สามารถใช้อำนาจตามกฎหมายได้ครบถ้วนตามความจำเป็นและบริหารราชการได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ
ง. เพื่อให้ประชาชนทั้งในและต่างประเทศสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายได้ครบถ้วนตาม
ความจำเป็นและบริหารราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
28. ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอโดยปฏิบัติอย่างไร
ก. ต้องสามารถรับรู้ข่าวสารอย่างถูกต้องรวดเร็ว
ข. ส่งเสริมและพัฒนาความรู้ความสามารถ
ค. สร้างวิสัยและปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสังกัด
ง. ถูกทุกข้อ
29. เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการให้เกิดสัมฤทธิ์ ผู้ใดอาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมาตรการกำกับการปฏิบัติราชการ
ก. ส่วนราชการ ข. รมต.
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. ก.พ.ร.
30. เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ก.พ.ร. อาจเสนอต่อใคร เพื่อกำหนดมาตรการกำกับการปฏิบัติราชการ
ก. ครม. ข. รมต. ค. รัฐสภา ง. วุฒิสภา
31. คณะรัฐมนตรีจัดให้มีแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วหน่วยงานใดมีหน้าที่จัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรี
ก. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ข. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ค. สำนักงบประมาณ
ง. ถูกทุกข้อ
32. หน่วยงานดังกล่าวในข้อ 31. จำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกี่วัน
ก. 30 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ข. 60 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ค. 90 วันวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ง. 120 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
33. ผลจากข้อ 32. เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในแผนการบริหารราชการแผ่นดินตามข้อ 32. แล้วจักมีผลการใด
ก. มีผลถือว่าเสร็จสิ้นตามแผนการบริหารราชการแผ่นดินทุกประการ
ข. มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีสิ้นสุดการดำเนินการตามแผนการบริหารราชการ
แผ่นดินนั้น
ค. มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนราชการ ที่จะต้องดำเนินการจัดทำภารกิจให้
เป็นไปตามแผนการบริหารราชการแผ่นดินนั้น
ง. มีผลผูกพันกับรัฐมนตรี และส่วนราชการที่จะต้องดำเนินการจัดทำภารกิจให้เป็นไปตาม
แผนการบริหารราชการแผ่นดินนั้น
34. เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ส่วนราชการใด ต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน
ก. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ข. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ค. สำนักงบประมาณ
ง. ถูกทุกข้อ
35. เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ส่วนราชการต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกี่วัน
ก. 80 วัน ข. 90 วัน ค. 100 วัน ง. 120 วัน
36. ตามข้อ 35. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกำหนดเวลานับจากวันใด
ก. วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ง. ถูกทุกข้อ
37. เมื่อรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในแผนการบริหารราชการแผ่นดิน
ให้มีผลผูกพันกับใครบ้างก. เพื่อให้การบูรณาการงานต่างๆ ในจังหวัดหรือในต่างประเทศ สามารถยืนยันตามแนว
ทางเศรษฐกิจพอเพียง
ข. เพื่อให้จังหวัดหรือในต่างประเทศแล้วแต่กรณี สามารถใช้ติดต่อกับประชาชนได้โดย
ตรงโดยใช้อำนาจตามกฎหมายได้ครบถ้วน
ค. เพื่อให้การบริหารราชการแบบบูรณาการในจังหวัดหรือในต่างประเทศ แล้วแต่กรณี
สามารถใช้อำนาจตามกฎหมายได้ครบถ้วนตามความจำเป็นและบริหารราชการได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ
ง. เพื่อให้ประชาชนทั้งในและต่างประเทศสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายได้ครบถ้วนตาม
ความจำเป็นและบริหารราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
28. ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอโดยปฏิบัติอย่างไร
ก. ต้องสามารถรับรู้ข่าวสารอย่างถูกต้องรวดเร็ว
ข. ส่งเสริมและพัฒนาความรู้ความสามารถ
ค. สร้างวิสัยและปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสังกัด
ง. ถูกทุกข้อ
29. เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการให้เกิดสัมฤทธิ์ ผู้ใดอาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมาตรการกำกับการปฏิบัติราชการ
ก. ส่วนราชการ ข. รมต.
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. ก.พ.ร.
30. เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ก.พ.ร. อาจเสนอต่อใคร เพื่อกำหนดมาตรการกำกับการปฏิบัติราชการ
ก. ครม. ข. รมต. ค. รัฐสภา ง. วุฒิสภา
31. คณะรัฐมนตรีจัดให้มีแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วหน่วยงานใดมีหน้าที่จัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรี
ก. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ข. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ค. สำนักงบประมาณ
ง. ถูกทุกข้อ
32. หน่วยงานดังกล่าวในข้อ 31. จำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกี่วัน
ก. 30 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ข. 60 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ค. 90 วันวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ง. 120 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
33. ผลจากข้อ 32. เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในแผนการบริหารราชการแผ่นดินตามข้อ 32. แล้วจักมีผลการใด
ก. มีผลถือว่าเสร็จสิ้นตามแผนการบริหารราชการแผ่นดินทุกประการ
ข. มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีสิ้นสุดการดำเนินการตามแผนการบริหารราชการ
แผ่นดินนั้น
ค. มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนราชการ ที่จะต้องดำเนินการจัดทำภารกิจให้
เป็นไปตามแผนการบริหารราชการแผ่นดินนั้น
ง. มีผลผูกพันกับรัฐมนตรี และส่วนราชการที่จะต้องดำเนินการจัดทำภารกิจให้เป็นไปตาม
แผนการบริหารราชการแผ่นดินนั้น
34. เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ส่วนราชการใด ต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน
ก. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ข. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ค. สำนักงบประมาณ
ง. ถูกทุกข้อ
35. เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ส่วนราชการต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกี่วัน
ก. 80 วัน ข. 90 วัน ค. 100 วัน ง. 120 วัน
36. ตามข้อ 35. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกำหนดเวลานับจากวันใด
ก. วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ง. ถูกทุกข้อ
ก. ครม. ข. รมต. ค. ส่วนราชการ ง. ถูกทุกข้อ
38. จากการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินตามมาตรา 13 ให้จัดทำเป็นแผนกำหนดกี่ปี
ก. 3 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี
39. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว หน่วยงานใดต้องพิจารณาจัดทำแผนนิติบัญญัติ
ก. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ข. สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ค. ทั้ง 1. และ 2. ร่วมกันพิจารณาจัดทำแผนนิติบัญญัติ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
40. แผนนิติบัญญัติ ตามข้อ 39. มีรายละเอียดอะไรบ้าง
ก. มีรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายที่จะต้องจัดให้มีขึ้นใหม่
ข. มีรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายที่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม
ค. มีรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายที่ยกเลิกให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน
ส่วนราชการผู้รับผิดชอบและระยะเวลาที่ต้องดำเนินการ
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลยคำตอบ
1.
คำตอบ ก 9 หมวด 53 มาตรา
2. คำตอบ ข 9 ตุลาคม 2546
3. คำตอบ ค วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
4. คำตอบ ง คณะรัฐมนตรีกำหนด
5. คำตอบ ก ก.พ.ร. (มาตรา 3)
6. คำตอบ ค ถูกทั้ง 1. และ 2. (มาตรา 4)
7. คำตอบ ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (มาตรา 4)
8. คำตอบ 4งถูกหมดทั้ง 1 และ 2 (มาตรา 4)
9. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (มาตรา 4)
10. คำตอบ ก นายกรัฐมนตรี (มาตรา 5)
11. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 1 มาตรา 6)
12. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 1 มาตรา 6)
13. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 2 มาตรา 7)
14. คำตอบ ค ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการได้รับบริการจากภาครัฐ (หมวดที่ 2 มาตรา 8)
15. คำตอบ ก เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน (หมวดที่ 2 มาตรา 8(1))
16. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 2 มาตรา 8 (1))
17. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 2 มาตรา 8 (2))
18. คำตอบ ค ถูกทั้งข้อ 1 และ 2 (หมวดที่ 2 มาตรา 8 (4)
19. คำตอบ ก แก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว (หมวดที่ 2 มาตรา 8(5))
20. คำตอบ ง ก.พ.ร. (หมวดที่ 2 มาตรา 8 (5))
21. คำตอบ ง ก.พ.ร. (หมวดที่ 2 มาตรา 8 วรรคสุดท้าย)
22. คำตอบ ข เกิดประโยชน์สุขของประชาชน (หมวดที่ 2 มาตรา 8(1)
23. คำตอบ ง จัดทำแผนปฏิบัติราชการไว้เป็นการล่วงหน้า (หมวดที่ 3 มาตรา 9(1))
24. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 9 (2))
25. คำตอบ ง ก.พ.ร. (หมวดที่ 3 มาตรา 9 (3))
26. คำตอบ ก ส่วนราชการ (หมวดที่ 3 มาตรา 9 (4))
27. คำตอบ ค (มาตรา 10 วรรค 2)
28. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 11)
29. คำตอบ ง ก.พ.ร. (หมวดที่ 3 มาตรา 12)
30. คำตอบ ก ครม. (หมวดที่ 3 มาตรา 12)
31. คำตอบ ง ทุกข้อที่กล่าวมาต้องร่วมกันจัดทำแผน เสนอคณะรัฐมนตรี (หมวดที่ 3 มาตรา 13)
32. คำตอบ ค 90 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (หมวดที่ 3 มาตรา 13 ว.2)
33. คำตอบ ค (หมวดที่ 3 มาตรา 13 ว.3)
34. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 13 วรรค 2)
35. คำตอบ ข 90 วัน (หมวดที่ 3 มาตรา 13 วรรค 2)
36. คำตอบ ค วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (หมวดที่ 3 มาตรา 13 วรรค 2)
37. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 13 วรรค 3)
38. คำตอบ ข 4 ปี (หมวดที่ 3 มาตรา 14)
39. คำตอบ ค ทั้ง 1. และ 2. ร่วมกันพิจารณาจัดทำแผนฯ (หมวดที่ 3 มาตรา 15)
40. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 15)
2. คำตอบ ข 9 ตุลาคม 2546
3. คำตอบ ค วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
4. คำตอบ ง คณะรัฐมนตรีกำหนด
5. คำตอบ ก ก.พ.ร. (มาตรา 3)
6. คำตอบ ค ถูกทั้ง 1. และ 2. (มาตรา 4)
7. คำตอบ ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (มาตรา 4)
8. คำตอบ 4งถูกหมดทั้ง 1 และ 2 (มาตรา 4)
9. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (มาตรา 4)
10. คำตอบ ก นายกรัฐมนตรี (มาตรา 5)
11. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 1 มาตรา 6)
12. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 1 มาตรา 6)
13. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 2 มาตรา 7)
14. คำตอบ ค ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการได้รับบริการจากภาครัฐ (หมวดที่ 2 มาตรา 8)
15. คำตอบ ก เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน (หมวดที่ 2 มาตรา 8(1))
16. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 2 มาตรา 8 (1))
17. คำตอบ ง ถูกหมดทุกข้อ (หมวดที่ 2 มาตรา 8 (2))
18. คำตอบ ค ถูกทั้งข้อ 1 และ 2 (หมวดที่ 2 มาตรา 8 (4)
19. คำตอบ ก แก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นโดยเร็ว (หมวดที่ 2 มาตรา 8(5))
20. คำตอบ ง ก.พ.ร. (หมวดที่ 2 มาตรา 8 (5))
21. คำตอบ ง ก.พ.ร. (หมวดที่ 2 มาตรา 8 วรรคสุดท้าย)
22. คำตอบ ข เกิดประโยชน์สุขของประชาชน (หมวดที่ 2 มาตรา 8(1)
23. คำตอบ ง จัดทำแผนปฏิบัติราชการไว้เป็นการล่วงหน้า (หมวดที่ 3 มาตรา 9(1))
24. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 9 (2))
25. คำตอบ ง ก.พ.ร. (หมวดที่ 3 มาตรา 9 (3))
26. คำตอบ ก ส่วนราชการ (หมวดที่ 3 มาตรา 9 (4))
27. คำตอบ ค (มาตรา 10 วรรค 2)
28. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 11)
29. คำตอบ ง ก.พ.ร. (หมวดที่ 3 มาตรา 12)
30. คำตอบ ก ครม. (หมวดที่ 3 มาตรา 12)
31. คำตอบ ง ทุกข้อที่กล่าวมาต้องร่วมกันจัดทำแผน เสนอคณะรัฐมนตรี (หมวดที่ 3 มาตรา 13)
32. คำตอบ ค 90 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (หมวดที่ 3 มาตรา 13 ว.2)
33. คำตอบ ค (หมวดที่ 3 มาตรา 13 ว.3)
34. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 13 วรรค 2)
35. คำตอบ ข 90 วัน (หมวดที่ 3 มาตรา 13 วรรค 2)
36. คำตอบ ค วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา (หมวดที่ 3 มาตรา 13 วรรค 2)
37. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 13 วรรค 3)
38. คำตอบ ข 4 ปี (หมวดที่ 3 มาตรา 14)
39. คำตอบ ค ทั้ง 1. และ 2. ร่วมกันพิจารณาจัดทำแผนฯ (หมวดที่ 3 มาตรา 15)
40. คำตอบ ง ถูกทุกข้อ (หมวดที่ 3 มาตรา 15)
สถาบันกวดวิชาและภาษาไดเอ็ด
ติวสอบบรรจุราชการทุกหลักสูตร
จำหน่ายหนังสือเตรียมสอบครูผู้ช่วย ราคาพิเศษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น