#แบ่งปันแนวข้อสอบบรรจุราชการ เตรียมสอบครูผู้ช่วยสอศ.วิชาการศึกษา(การพัฒนาผู้เรียน)ชุดที่ 8
1.นโยบายของสอศ.ให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพื่อพัฒนาผู้เรียนโดยให้มีการจัดกิจกรรมในรูปแบบตามข้อใดถูกที่สุด
ก.รูปแบบกิจกรรมนักเรียนนักศึกษา
ข.รูปแบบกิจกรรมองค์การนักศึกษา
ค.รูปแบบองค์นักศึกษาวิชาชีพ
ง.รูปแบบองค์นักศึกษาวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย
2.การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรอยู่ในความดูแลของงานใดในสถานศึกษา
ก.งานแนะแนวการศึกษาและอาชีพ
ข.งานปกครอง
ค.งานกิจกรรมกรรมนักเรียนนักศึกษา
ง.งานโครงการพิเศษ
3.ระเบียบว่าด้วยการบริหารสถานศึกษาพ.ศ.2552ได้กำหนดอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงานกิจกรรมไว้กี่ข้อ
ก.10 ข้อ ข.11ข้อ
ค.11 ข้อ ง.12 ข้อ
4.สถานศึกษาจัดกิจกรรมนักเรียนนักศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนตรงกับข้อใด
ก.กิจกรรมวิชาชีพ
ข.กิจกรรมองค์การวิชาชีพ
ค.กิจกรรมลูกเสือและนักศึกษาวิชาทหาร
ง.ถูกทุกข้อ
5.กิจกรรมหน้าเสาธงเป็นกิจกรรมตามอำนาจหน้าที่ของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนตามข้อใดถูกที่สุด
ก.กิจกรรมดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ข.กิจกรรมองค์การวิชาชีพ
ค.กิจกรรมชมรมวิชาชีพ
ง.กิจกรรมลูกเสือและนักศึกษาวิชาทหาร
6.กิจกรรมด้านใดที่สถานศึกษาจัดให้นักเรียนระดับปวช.1 ทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมทุกคน
ก.กิจกรรมดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ข.กิจกรรมองค์การวิชาชีพ
ค.กิจกรรมชมรมวิชาชีพ
ง.กิจกรรมลูกเสือและนักศึกษาวิชาทหาร
7.การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาผู้เรียน มุ่งพัฒนาให้บุคคลรู้จักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีวุฒิทางอารมณ์ มีกระบวนการคิด มีทักษะในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมและมีความสุขมีความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยมีหลักการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตรงกับข้อใด
ก.มีการกำหนดวัตถุประสงค์และแนวปฎิบัติที่เป็นรูปธรรม
ข.ใช้กระบวนการกลุ่มในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ค.นักเรียนเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมครูเป็นที่ปรึกษา
ง.ถูกทุกข้อ
8.การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาผู้เรียน มุ่งพัฒนาให้บุคคลรู้จักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีวุฒิทางอารมณ์ มีกระบวนการคิด มีทักษะในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมและมีความสุขมีความรับผิดชอบต่อตนเอง เป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนตรงตามข้อใด
ก.ผู้เรียนค้นพบความสนใจความถนัด
ข.ผู้เรียนได้พัฒนาบุคลิกภาพ เจตคติ
ค.ผู้เรียนมีจิตสาธารณะในการทำประโยชน์ต่อสังคม
ง.ถูกทุกข้อ
9.ความหมายของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่เกิดจากความสมัครใจของผู้เรียน มุ่งพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์จากกิจกรรมที่เป็นกลุ่มสาระ เป็นกิจกรรมแก้ปัญหามุ่งแก้ปัญหาระเบียบวินัย กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีกี่ลักษณะ
ก.1 ลักษณะ ข.2 ลักษณะ
ค.3 ลักษณะ ง.4 ลักษณะ
10.ข้อใดมิใช่ลักษณะกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก.กิจกรรมการเรียนการสอน
ข.กิจกรรมนักเรียน
ค.กิจกรรมแนะแนว
ง.ถูกทั้งข้อ ขและ ค
11.กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
ก.1 ประเภท ข.2 ประเภท
ค.3 ประเภท ค.4ประเภท
12.ข้อใดมิใช่ประเภทกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก.กิจกรรมพัฒนาตามความถนัด ความสนใจ ความต้องการผู้เรียน
ข.กิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์
ค.กิจกรรมการเรียนการสอน
ง.ถูกทั้งข้อ กและข
13.ข้อใดตรงกับบทบาทหน้าที่ของบุคลากรที่เกี่ยงข้องในสถานศึกษาในการพัฒนาผู้เรียน
ก.บทบาทของคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
ข.บทบาทของหัวหน้ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ค.บทบาทของครูที่ปรึกษากิจกรรม
ง.ถูกทุกข้อ
14.กฎหมายฉบับใดมุ่งให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และให้มีสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีบทบาทในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก.พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ข.พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
ค.พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาคนพิการพ.ศ.2551
ง.พระราชบัญญัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547
15.การสำรวจข้อมูลความพร้อมความต้องการและสภาพปัญหาของนักเรียนเป็นบทบาทของใคร
ก.หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ข.ครูที่ปรึกษากิจกรรมชมรรมวิชาชีพ
ค.ผู้เรียนในสถานศึกษา
ง.คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
16.ให้ความเห็นชอบการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายเป้าหมายและการดำเนินงานเป็นบทบาทของใคร
ก.หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ข.ครูที่ปรึกษากิจกรรมชมรรมวิชาชีพ
ค.ผู้เรียนในสถานศึกษา
ง.คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
17.ประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆเพื่อปฎิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เช่นประธาน รองประธาน นายทะเบียน เหรัญญิกเลขานุการและหน้าที่อื่นๆ
ก.หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ข.ครูที่ปรึกษากิจกรรมชมรมวิชาชีพ
ค.ผู้เรียนในสถานศึกษา
ง.คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
18.จัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชมรมวิชาชีพเพื่อปฎิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก.หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ข.ครูที่ปรึกษากิจกรรมชมรมวิชาชีพ
ค.ผู้เรียนในสถานศึกษา
ง.คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
19.ข้อใดตรงกับการประเมินผลกิจกรรมผู้เรียน
ก.ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายกิจกรรม
ข.ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผ่านช่วงชั้น
ค.ประเมินกิจกรรมการเรียนการสอน
ง.ถูกทั้ง ข้อ ก และข้อ ข
20.ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมโดยมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมและปฎิบัติกิจกรรมตามเกณฑ์ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาต้องผ่านเกณฑ์ตามข้อใด
ก.ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ข.ไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
ค.ไม่น้อยกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ ง.ไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
21.การแนะแนวหมายถึง กระบวนทางการศึกษาที่ช่วยให้บุคคลรู้จักและเข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อม สามารถนำตนเองได้ แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองและพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพ ปฎิบัติตนให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคมข้อใดมิใช่ ความหมายของการแนะแนว
ก.การแนะนำ ข.การชี้แนะ
ค.การชี้ช่องทาง ง. การบอกแนวทางให้
22.ขอบข่ายการแนะแนวแบ่งออกเป็นกี่ประการ
ก. 2 ประการ ข. 3 ประการ
ค.4 ประการ ง. 5 ประการ
23.ข้อใดเป็นขอบข่ายงานแนะแนว
ก.การแนะแนวการศึกษา
ข.การแนะแนวอาชีพ
ค.การแนะแนวส่วนตัวและสังคม
ง.ถูกทุกข้อ
24.ความหมายของการแนะแนวในแง่การบริการจำแนกออกเป็นสองประเภทคือประเภทการบริการหลักและการบริการเสริมข้อใดเป็นบริการหลักที่สถานศึกษาต้องจัดให้มีการบริการในสถานศึกษา
ก.การบริการจัดหาให้และให้ทุน
ข.บริการสุขภาพ
ค.บริการให้คำปรึกษา
ง.บริการสอนซ่อมเสริม
25.ความหมายของการแนะแนวในแง่การบริการจำแนกออกเป็นสองประเภทคือประเภทการบริการหลักและการบริการเสริมข้อใดเป็นบริการเสริมที่สถานศึกษาจะช่วยให้โครงการแนะแนวของสถานศึกษาดีมากขึ้น
ก.การบริการจัดหาให้และให้ทุน
ข.บริการสนเทศ
\ค.บริการสำรวจนักเรียนเป็นรายบุคคล
ง.บริการจัดวางตัวบุคคล
26.ความมุ่งหมายของการแนะแนวแบ่งออกเป็นสองประเภทคือความมุ่งหมายทั่วไปหรือความมุ่งหมายเฉพาะข้อใดตรงกับความมุ่งหมายทั่วไป
ก.เพื่อช่วยให้นักเรียนแต่ละคนได้รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้
ข.เพื่อช่วยให้นักเรียนรู้จักปรับตัว
ค.เพื่อป้องกันปัญหา
ง.เพื่อช่วยให้นักเรียนนำตัวเอง
27.ความมุ่งหมายของการแนะแนวแบ่งออกเป็นสองประเภทคือความมุ่งหมายทั่วไปหรือความมุ่งหมายเฉพาะข้อใดตรงกับความมุ่งหมายเฉพาะ
ก.เพื่อแก้ไขปัญหา
ข.เพื่อส่งเสริมพัฒนา
ค.เพื่อป้องกันปัญหา
ง.เพื่อส่งเสริมให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคล
28.การบริการแนะแนวที่นับเป็นหัวใจของการแนะแนวตรงกับข้อใด
ก.การบริการอาหารกลางวัน ข.การบริการให้คำปรึกษา
ค.การบริการสารสนเทศ ง.การบริการจัดวางตัวบุคคล
28.ความหมายของการดูแลช่วยเหลือนักเรียน หมายถึงการกระทำที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาให้นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีคุณภาพตามที่สังคมต้องการมีกี่ประการ
ก.4 ประการ ข.5 ประการ
ค.6 ประการ ง.7 ประการ
29.ความหมายของการดูแลช่วยเหลือนักเรียน หมายถึงการกระทำที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาให้นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีคุณภาพตามที่สังคมต้องการข้อใดตรงกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก. การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน
ง.ถูกทุกข้อ
30.กระบวนการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลข้อใดไม่ตรงกับวิธีการที่ดำเนินงาน
ก.ศึกษาข้อมูลจากระเบียนสะสม
ข.ศึกษาข้อมูลจากแบบประเมินพฤติกรรม(SDQ)
ค.วิเคราะห์ข้อมูลจากระเบียนสะสม
ง.แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์(EQ)
31.กระบวนการคัดกรองนักเรียนตรงกับข้อใด
ก.ศึกษาข้อมูลจากระเบียนสะสม
ข.ศึกษาข้อมูลจากแบบประเมินพฤติกรรม(SDQ)
ค.กลุ่มปกติและกลุ่มเสี่ยง/มีปัญหา
ง.แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์(EQ)
32.การจัดกิจกรรมโฮมรูม(Homeroom)ตรงกับระบบการช่วยเหลือนักเรียนตามข้อใด
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน
ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
33.การจัดกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อนตรงกับระบบการช่วยเหลือนักเรียนตามข้อใด
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน
ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
34.ความเป็นพลเมืองดีของชาติจะแสดงออกทางพฤติกรรมตามข้อใด
ก.หวงแหนแผ่นดินไทย ข.ยกย่องความเป็นชาติไทย
ค.การยืนตรงเคารพธงชาติ ง. ถูกทุกข้อ
35.พฤติกรรมที่แสดงถึงการยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องดีงามมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ปฎิบัติตนต่อตนเองและผู้อื่นโดยชอบ ไม่คดโกงตรงกับข้อใด
ก.เป็นคนดีมีสังคม
ข.เป็นพลเมืองดีของสังคมแห่งชาติ
ค.เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม
ง.มีความซื่อสัตย์สุจริต
36.พฤติกรรมที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ คิดในทางดี มุ่งมั่นทำความดีที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมประเทศชาติและสิ่งแวดล้อมตรงกับข้อใด
ก.พลเมืองดีของชาติ ข.ปฎิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ค.มีจิตสาธารณะ ง.ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบตามหลักของพุทธศาสนา
37.พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความภุมิใจเห็นคุณค่าการอนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาไทยขนบธรรมเนียมและประเพณีไทยิ การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตรงกับข้อใด
ก.รักความเป็นไทย ข.มีความซื่อสัตย์สุจริต
ค.เป็นพลดีของชาติ ง. มีจิตสาธารณะ
ก.งานแนะแนวการศึกษาและอาชีพ
ข.งานปกครอง
ค.งานกิจกรรมกรรมนักเรียนนักศึกษา
ง.งานโครงการพิเศษ
3.ระเบียบว่าด้วยการบริหารสถานศึกษาพ.ศ.2552ได้กำหนดอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงานกิจกรรมไว้กี่ข้อ
ก.10 ข้อ ข.11ข้อ
ค.11 ข้อ ง.12 ข้อ
4.สถานศึกษาจัดกิจกรรมนักเรียนนักศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนตรงกับข้อใด
ก.กิจกรรมวิชาชีพ
ข.กิจกรรมองค์การวิชาชีพ
ค.กิจกรรมลูกเสือและนักศึกษาวิชาทหาร
ง.ถูกทุกข้อ
5.กิจกรรมหน้าเสาธงเป็นกิจกรรมตามอำนาจหน้าที่ของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนตามข้อใดถูกที่สุด
ก.กิจกรรมดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ข.กิจกรรมองค์การวิชาชีพ
ค.กิจกรรมชมรมวิชาชีพ
ง.กิจกรรมลูกเสือและนักศึกษาวิชาทหาร
6.กิจกรรมด้านใดที่สถานศึกษาจัดให้นักเรียนระดับปวช.1 ทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมทุกคน
ก.กิจกรรมดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ข.กิจกรรมองค์การวิชาชีพ
ค.กิจกรรมชมรมวิชาชีพ
ง.กิจกรรมลูกเสือและนักศึกษาวิชาทหาร
7.การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาผู้เรียน มุ่งพัฒนาให้บุคคลรู้จักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีวุฒิทางอารมณ์ มีกระบวนการคิด มีทักษะในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมและมีความสุขมีความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยมีหลักการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตรงกับข้อใด
ก.มีการกำหนดวัตถุประสงค์และแนวปฎิบัติที่เป็นรูปธรรม
ข.ใช้กระบวนการกลุ่มในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ค.นักเรียนเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมครูเป็นที่ปรึกษา
ง.ถูกทุกข้อ
8.การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาผู้เรียน มุ่งพัฒนาให้บุคคลรู้จักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีวุฒิทางอารมณ์ มีกระบวนการคิด มีทักษะในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมและมีความสุขมีความรับผิดชอบต่อตนเอง เป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนตรงตามข้อใด
ก.ผู้เรียนค้นพบความสนใจความถนัด
ข.ผู้เรียนได้พัฒนาบุคลิกภาพ เจตคติ
ค.ผู้เรียนมีจิตสาธารณะในการทำประโยชน์ต่อสังคม
ง.ถูกทุกข้อ
9.ความหมายของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่เกิดจากความสมัครใจของผู้เรียน มุ่งพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์จากกิจกรรมที่เป็นกลุ่มสาระ เป็นกิจกรรมแก้ปัญหามุ่งแก้ปัญหาระเบียบวินัย กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีกี่ลักษณะ
ก.1 ลักษณะ ข.2 ลักษณะ
ค.3 ลักษณะ ง.4 ลักษณะ
10.ข้อใดมิใช่ลักษณะกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก.กิจกรรมการเรียนการสอน
ข.กิจกรรมนักเรียน
ค.กิจกรรมแนะแนว
ง.ถูกทั้งข้อ ขและ ค
11.กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
ก.1 ประเภท ข.2 ประเภท
ค.3 ประเภท ค.4ประเภท
12.ข้อใดมิใช่ประเภทกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก.กิจกรรมพัฒนาตามความถนัด ความสนใจ ความต้องการผู้เรียน
ข.กิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์
ค.กิจกรรมการเรียนการสอน
ง.ถูกทั้งข้อ กและข
13.ข้อใดตรงกับบทบาทหน้าที่ของบุคลากรที่เกี่ยงข้องในสถานศึกษาในการพัฒนาผู้เรียน
ก.บทบาทของคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
ข.บทบาทของหัวหน้ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ค.บทบาทของครูที่ปรึกษากิจกรรม
ง.ถูกทุกข้อ
14.กฎหมายฉบับใดมุ่งให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และให้มีสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีบทบาทในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก.พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ข.พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
ค.พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาคนพิการพ.ศ.2551
ง.พระราชบัญญัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547
15.การสำรวจข้อมูลความพร้อมความต้องการและสภาพปัญหาของนักเรียนเป็นบทบาทของใคร
ก.หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ข.ครูที่ปรึกษากิจกรรมชมรรมวิชาชีพ
ค.ผู้เรียนในสถานศึกษา
ง.คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
16.ให้ความเห็นชอบการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายเป้าหมายและการดำเนินงานเป็นบทบาทของใคร
ก.หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ข.ครูที่ปรึกษากิจกรรมชมรรมวิชาชีพ
ค.ผู้เรียนในสถานศึกษา
ง.คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
17.ประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆเพื่อปฎิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เช่นประธาน รองประธาน นายทะเบียน เหรัญญิกเลขานุการและหน้าที่อื่นๆ
ก.หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ข.ครูที่ปรึกษากิจกรรมชมรมวิชาชีพ
ค.ผู้เรียนในสถานศึกษา
ง.คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
18.จัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชมรมวิชาชีพเพื่อปฎิบัติกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก.หัวหน้างานกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ข.ครูที่ปรึกษากิจกรรมชมรมวิชาชีพ
ค.ผู้เรียนในสถานศึกษา
ง.คณะกรรมการบริหารสถานศึกษา
19.ข้อใดตรงกับการประเมินผลกิจกรรมผู้เรียน
ก.ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายกิจกรรม
ข.ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผ่านช่วงชั้น
ค.ประเมินกิจกรรมการเรียนการสอน
ง.ถูกทั้ง ข้อ ก และข้อ ข
20.ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมโดยมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมและปฎิบัติกิจกรรมตามเกณฑ์ของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาต้องผ่านเกณฑ์ตามข้อใด
ก.ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ข.ไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
ค.ไม่น้อยกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ ง.ไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
21.การแนะแนวหมายถึง กระบวนทางการศึกษาที่ช่วยให้บุคคลรู้จักและเข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อม สามารถนำตนเองได้ แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองและพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพ ปฎิบัติตนให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคมข้อใดมิใช่ ความหมายของการแนะแนว
ก.การแนะนำ ข.การชี้แนะ
ค.การชี้ช่องทาง ง. การบอกแนวทางให้
22.ขอบข่ายการแนะแนวแบ่งออกเป็นกี่ประการ
ก. 2 ประการ ข. 3 ประการ
ค.4 ประการ ง. 5 ประการ
23.ข้อใดเป็นขอบข่ายงานแนะแนว
ก.การแนะแนวการศึกษา
ข.การแนะแนวอาชีพ
ค.การแนะแนวส่วนตัวและสังคม
ง.ถูกทุกข้อ
24.ความหมายของการแนะแนวในแง่การบริการจำแนกออกเป็นสองประเภทคือประเภทการบริการหลักและการบริการเสริมข้อใดเป็นบริการหลักที่สถานศึกษาต้องจัดให้มีการบริการในสถานศึกษา
ก.การบริการจัดหาให้และให้ทุน
ข.บริการสุขภาพ
ค.บริการให้คำปรึกษา
ง.บริการสอนซ่อมเสริม
25.ความหมายของการแนะแนวในแง่การบริการจำแนกออกเป็นสองประเภทคือประเภทการบริการหลักและการบริการเสริมข้อใดเป็นบริการเสริมที่สถานศึกษาจะช่วยให้โครงการแนะแนวของสถานศึกษาดีมากขึ้น
ก.การบริการจัดหาให้และให้ทุน
ข.บริการสนเทศ
\ค.บริการสำรวจนักเรียนเป็นรายบุคคล
ง.บริการจัดวางตัวบุคคล
26.ความมุ่งหมายของการแนะแนวแบ่งออกเป็นสองประเภทคือความมุ่งหมายทั่วไปหรือความมุ่งหมายเฉพาะข้อใดตรงกับความมุ่งหมายทั่วไป
ก.เพื่อช่วยให้นักเรียนแต่ละคนได้รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้
ข.เพื่อช่วยให้นักเรียนรู้จักปรับตัว
ค.เพื่อป้องกันปัญหา
ง.เพื่อช่วยให้นักเรียนนำตัวเอง
27.ความมุ่งหมายของการแนะแนวแบ่งออกเป็นสองประเภทคือความมุ่งหมายทั่วไปหรือความมุ่งหมายเฉพาะข้อใดตรงกับความมุ่งหมายเฉพาะ
ก.เพื่อแก้ไขปัญหา
ข.เพื่อส่งเสริมพัฒนา
ค.เพื่อป้องกันปัญหา
ง.เพื่อส่งเสริมให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคล
28.การบริการแนะแนวที่นับเป็นหัวใจของการแนะแนวตรงกับข้อใด
ก.การบริการอาหารกลางวัน ข.การบริการให้คำปรึกษา
ค.การบริการสารสนเทศ ง.การบริการจัดวางตัวบุคคล
28.ความหมายของการดูแลช่วยเหลือนักเรียน หมายถึงการกระทำที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาให้นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีคุณภาพตามที่สังคมต้องการมีกี่ประการ
ก.4 ประการ ข.5 ประการ
ค.6 ประการ ง.7 ประการ
29.ความหมายของการดูแลช่วยเหลือนักเรียน หมายถึงการกระทำที่ช่วยสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาให้นักเรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์และมีคุณภาพตามที่สังคมต้องการข้อใดตรงกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก. การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน
ง.ถูกทุกข้อ
30.กระบวนการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลข้อใดไม่ตรงกับวิธีการที่ดำเนินงาน
ก.ศึกษาข้อมูลจากระเบียนสะสม
ข.ศึกษาข้อมูลจากแบบประเมินพฤติกรรม(SDQ)
ค.วิเคราะห์ข้อมูลจากระเบียนสะสม
ง.แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์(EQ)
31.กระบวนการคัดกรองนักเรียนตรงกับข้อใด
ก.ศึกษาข้อมูลจากระเบียนสะสม
ข.ศึกษาข้อมูลจากแบบประเมินพฤติกรรม(SDQ)
ค.กลุ่มปกติและกลุ่มเสี่ยง/มีปัญหา
ง.แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์(EQ)
32.การจัดกิจกรรมโฮมรูม(Homeroom)ตรงกับระบบการช่วยเหลือนักเรียนตามข้อใด
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน
ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
33.การจัดกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อนตรงกับระบบการช่วยเหลือนักเรียนตามข้อใด
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน
ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
34.ความเป็นพลเมืองดีของชาติจะแสดงออกทางพฤติกรรมตามข้อใด
ก.หวงแหนแผ่นดินไทย ข.ยกย่องความเป็นชาติไทย
ค.การยืนตรงเคารพธงชาติ ง. ถูกทุกข้อ
35.พฤติกรรมที่แสดงถึงการยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องดีงามมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ปฎิบัติตนต่อตนเองและผู้อื่นโดยชอบ ไม่คดโกงตรงกับข้อใด
ก.เป็นคนดีมีสังคม
ข.เป็นพลเมืองดีของสังคมแห่งชาติ
ค.เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม
ง.มีความซื่อสัตย์สุจริต
36.พฤติกรรมที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ คิดในทางดี มุ่งมั่นทำความดีที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมประเทศชาติและสิ่งแวดล้อมตรงกับข้อใด
ก.พลเมืองดีของชาติ ข.ปฎิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ค.มีจิตสาธารณะ ง.ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบตามหลักของพุทธศาสนา
37.พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความภุมิใจเห็นคุณค่าการอนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาไทยขนบธรรมเนียมและประเพณีไทยิ การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตรงกับข้อใด
ก.รักความเป็นไทย ข.มีความซื่อสัตย์สุจริต
ค.เป็นพลดีของชาติ ง. มีจิตสาธารณะ
37.การที่ผู้เรียนเข้าร่วมการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นหรือแหล่งสาธารณะใดๆ
แสดงว่าผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามข้อใด
ก.รักความเป็นไทย ข.มีความซื่อสัตย์สุจริต
ค.มีจิตสาธารณะ ง.เป็นพลเมืองดีของชาติ
38.การเยี่ยมบ้านเป็นขั้นตอนของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนขั้นตอนใด
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
39.โครงการตรวจสารเสพติดในสถานศึกษา เป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
40.โครงการแข่งขันกีฬาในสถานศึกษา เป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
41.โครงการแข่งขันกีฬาทักษะวิชาชีพในสถานศึกษา เป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
42.โครงการแข่งขันกีฬาทักษะวิชาชีพในสถานศึกษา เป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
43.โครงการนักเรียนเยี่ยมเรือนจำเป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
44.การช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูทำงานด้วยความเต็มใจ ถือว่าเป็นผู้มีคุณลักษณะพึงประสงค์ตรงตามข้อใด
ก.รักความเป็นไทย ข.มีความซื่อสัตย์สุจริต
ค.เป็นพลดีของชาติ ง. มีจิตสาธารณะ
45.การแต่งกายด้วยผ้าไหมไทย และมีมารยาทอันดีงาม แสดงคุณลักษณะพึงประสงค์ตามข้อใด
ก.รักความเป็นไทย ข.มีความซื่อสัตย์สุจริต
ค.เป็นพลดีของชาติ ง.มีจิตสาธารณะ ติวสรุปเตรียมสอบบรรจุครูผู้ช่วยสอศ.
(บุคคลภายนอก+ภายใน)ที่จังหวัดมหาสารคามวันเสาร์ – อาทิตย์ที่ 24-25 พฤศจิกายน 2561
@ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่…..สถาบันกวดวิชาและภาษาไดเอ็ด : โทร. 043-721822,084-2616667,062-6109997,email:dr.pukdee@hotmail.com
ก.รักความเป็นไทย ข.มีความซื่อสัตย์สุจริต
ค.มีจิตสาธารณะ ง.เป็นพลเมืองดีของชาติ
38.การเยี่ยมบ้านเป็นขั้นตอนของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนขั้นตอนใด
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
39.โครงการตรวจสารเสพติดในสถานศึกษา เป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
40.โครงการแข่งขันกีฬาในสถานศึกษา เป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
41.โครงการแข่งขันกีฬาทักษะวิชาชีพในสถานศึกษา เป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
42.โครงการแข่งขันกีฬาทักษะวิชาชีพในสถานศึกษา เป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
43.โครงการนักเรียนเยี่ยมเรือนจำเป็นขั้นตอนใดของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ก.การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ข.การคัดกรองนักเรียน
ค.การส่งเสริมนักเรียน ง.การป้องกันและแก้ไขปัญหา
44.การช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูทำงานด้วยความเต็มใจ ถือว่าเป็นผู้มีคุณลักษณะพึงประสงค์ตรงตามข้อใด
ก.รักความเป็นไทย ข.มีความซื่อสัตย์สุจริต
ค.เป็นพลดีของชาติ ง. มีจิตสาธารณะ
45.การแต่งกายด้วยผ้าไหมไทย และมีมารยาทอันดีงาม แสดงคุณลักษณะพึงประสงค์ตามข้อใด
ก.รักความเป็นไทย ข.มีความซื่อสัตย์สุจริต
ค.เป็นพลดีของชาติ ง.มีจิตสาธารณะ ติวสรุปเตรียมสอบบรรจุครูผู้ช่วยสอศ.
(บุคคลภายนอก+ภายใน)ที่จังหวัดมหาสารคามวันเสาร์ – อาทิตย์ที่ 24-25 พฤศจิกายน 2561
กำหนดการอบรมวันแรก (วันเสาร์)
08.00 – 08.30 น. ลงทะเบียนรับเอกสารแผ่น CD เนื้อหาและแนวข้อสอบ
08.30-10.30น. ความรอบรู้ ภาค ก (เฉลยวิเคราะห์อธิบายข้อสอบเนื้อหาตามแบบทดสอบ)
- สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ปัจจุบัน, Thailand 4.0นโยบายเชิงวิสัยทัศน์ของรัฐบาล
- นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
- นโยบายการอาชีวศึกษา, การปฎิรูปการศึกษาการบริหารกระทรวงศึกษาธิการในส่วนภูมิภาค
- ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปิ , แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12
- แผนและขั้นตอนการปฎิรูปประเทศ
-แผนการศึกษาแห่งชาติ
- วัฒนธรรมไทย และขนบธรรมเนียมประเพณีไทย
10.30-10.45น. พักรับประทานอาหารว่าง
10.45-12.00น. ความรอบรู้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฎิบัติราชการ (เฉลย วิเคราะห์ อธิบาย
ข้อสอบ เนื้อหาตามแบบทดสอบ )
12.00-13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.00-17.00 น. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 และที่
แก้ไขเพิ่มเติม
- พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546
- พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547และที่
แก้ไขเพิ่มเติม
- พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
- พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551
- พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551
-การขับเคลื่อนการปฎิรูปการศึกษาในส่วนภูมิภาค (กศจ. , กศภ.)
- กฎหมาย กฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ สอศ.
- มาตรฐานการอาชีวศึกษา ของ สอศ.
กำหนดการอบรมวันที่สอง ภาค ข ( วันอาทิตย์ )
08.30-10.30น. ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฎิบัติของวิชาชีพครู
(เฉลย วิเคราะห์ อธิบายข้อสอบ เนื้อหาตามแบบทดสอบ)
-วินัยและการรักษาวินัย
-คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม
-มาตรฐานด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ
-มาตรฐานด้านการปฎิบัติงาน
-มาตรฐานด้านการปฎิบัติตน
10.30-10.45 น. พักรับประทานอาหารว่าง
10.45-12.00 น. ความรู้ความความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฎิบัติวิชาชีพ ( ต่อ )
12.00-13.00 น. พักรับประทานอาหาร
13.00-14.30 น. ความรู้ความสามารถเกี่ยวกับวิชาการศึกษา
-หลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร
-หลักการสอนและการจัดการเรียนรู้
-จิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว
-การพัฒนาผู้เรียน
-การบริหารจัดการชั้นเรียน
-การวิจัยทางการศึกษา
-สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา
-การวัดและประเมินผลการศึกษา
14.30-14.45น. พักรับประทานอาหารว่าง
14.45-17.00น. ความสามารถทั่วไป (เฉลย วิเคราะห์ อธิบายข้อสอบ เนื้อหาตามแบบ ทดสอบ)
- ความสามารถทางด้านตัวเลข คิดเลข สรุป เหตุผลเกี่ยวกับตัวเลข
- ความสามารถด้านภาษาไทย ความเข้าใจ จับใจความ สรุปความ ตีความขยาย
ความ เรียงข้อความ สะกดคำ แต่งประโยคและคำ ศัพท์
- ความสามารถด้านเหตุผล คิดสรุปหาเหตุผล อุปมาอุปไมย
หมายเหตุ กำหนดการการอบรมและสถานที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
สถานที่ : โรงแรมโอเอซิสรีสอร์ต บ้านใคร่นุ่น ท่าขอนยาง จังหวัดมหาสารคาม (ตรงข้ามสะพานทางเข้ามหาวิทยาลัยมหาสารคาม)
วิทยากร : โดย ทีมงานวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิของ สถาบันกวดวิชาและภาษาไดเอ็ด มหาสารคาม
วิทยากร : ดร. ภักดี รัตนมุขย์ ผู้แต่งหนังสือ
-หนังสือเตรียมสอบความรอบรู้ของ สอศ.
-หนังสือเตรียมสอบความรอบรู้ของ สพฐ.
-หนังสือเตรียมสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฎิบัติวิชาชีพครู
-หนังสือเตรียมสอบความรู้ความสามารถเกี่ยวกับวิชาการศึกษา 8 หัวข้อ
-หนังสือเตรียมสอบกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเล่ม 1
-หนังสือเตรียมสอบกรมส่งเสริมการกครองส่วนท้องถิ่น เล่ม 2
-หนังสือ Thailand 4.0 ตอบโจทย์ประเทศไทย?“มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ”ก้าวข้ามกับดักรายไดปานกลาง 3.0
-หนังสือ Thailand 4.0 ตอบโจทย์ประเทศไทย?“มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ”ก้าวข้ามกับดักรายไดปานกลาง 3.0
: อธิบายเนื้อหาและสรุปสาระสำคัญของข้อสอบในเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
: วิธีนำเสนอ ( Presentation) โดยการบรรยายประกอบการเน้นความเชื่อมโยงของเนื้อหา
@ค่าใช้จ่าย
-ค่าลงทะเบียน ท่านละ 1,500 บาท ( หนึ่งพันห้าร้อยบาทถ้วน )
-เป็นค่าสื่อเอกสารฯ ดังนี้
1. เอกสารและแผ่นCDไฟล์เนื้อหาและแนวข้อสอบประกอบการอบรมฯ พร้อมซองใส่ จำนวน 1 ชุด
2. อาหารเบรกและอาหารกลางวัน ( 2 วัน )
@การชำระค่าลงทะเบียน
@การสำรองที่นั่ง (สำรองที่นั่งล่วงหน้า 2 วัน 500 บาท ที่เหลือจ่ายหน้างาน)