สรุป ความรอบรู้
1. การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม
2. การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ
การศึกษานอกระบบ การศึกษาอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
3. ครู หมายความว่า
ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่างๆ
4. ความมุ่งหมายของหมายของการจัดการศึกษา เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย
จิตใจ สติปัญญาความรู้คุณธรรม
มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (เก่ง ดี มีสุข) มาตรา 6
5. หลักการจัดการศึกษา แบ่งออกเป็น3หลักประกอบด้วย(1)เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน (2)สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (
มาตรา 8)
6. สิทธิทางการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่า
สิบสองปี
ที่รัฐจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย (รัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ตัด ม.ปลาย และปวช.ออก เพิ่มปฐมวัยแทน
)
7. รูปแบบการจัดการศึกษา มี 3 รูปแบบ ประกอบด้วย ( มาตรา 15 – 21 )
( 1 ) การศึกษาในระบบ ( formal Education ) (2) การศึกษานอกระบบ (non-formal Education ) (3) การศึกษาตามอัธยาศัย
( Informal Education )
8. การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ (มาตรา 22)
9. การจัดระเบียบบริหารราชการ ในกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา หรือคณะกรรมการ (จำนวน 4 องค์กร ) ประกอบด้วย (1)กกอ. (2) กพฐ. (3) กอศ. (4) สภาการศึกษา(มาตรา
31-46 )
10. ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา จำนวน 4
ด้านได้แก่ (1)ด้านวิชาการ ( 2
) งบประมาณ (3) บริหารงานบุคคล ( 4 ) บริหารทั่วไป ( มาตรา
39 )
11. รูปแบบการจัดการศึกษา แบ่งออกเป็น
3 รูปแบบ (
มาตรา 15 - 21 )
(1) การศึกษาในระบบ (formal
Education) ( 2 ) การศึกษานอกระบบ (non-formal Education ) ( 3 )
การศึกษาตามอัธยาศัย ( Informal Education )
12.รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ได้แก่
ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีศูนย์การกีฬา และนันทนาการ แหล่งข้อมูลและแหล่งการเรียนรู้อื่นอย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ(ม.22-30)
13.การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวงศึกษา ให้มีองค์การหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา
หรือในรูปคณะกรรมการ จำนวน 4 องค์กร ได้แก่ ( มาตรา
31-46
) (1) สภาการศึกษา (2)
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( 3) คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ( 4) คณะกรรมการการอุดมศึกษา
14.ระบบการประกันคุณภาพ มี 2 ระบบ (มาตรา 47 – 51 )
(1) การประกันคุณภาพภายใน ( 2 )
การประกันคุณภาพภายนอก
15. องค์กรกลางบริหารบุคคลของข้าราชการครู ( มาตรา 54 ) ได้แก่
คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
หรือ ก.ค.ศ. มีจำนวนคณะกรรมการ 28 คน
16. ให้จัดระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการตาม
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่
(1)
ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง ( 2 ) ระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
(3)
ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐ ที่จัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
17. การแบ่งส่วนราชการ ในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ มีทั้งหมด 6 ส่วนราชการ มีฐานะเป็นกรม 5กรมได้แก่ (1)
สำนักงานรัฐมนตรี(ไม่ใช่กรม ) (2)สำนักงานปลัดกระทรวง (3)
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ( 4 )
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (5)
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ( 6 ) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
18. การแบ่งส่วนราชการภายในส่วนราชการตามข้อ
9 (ให้ออกเป็กฎกระทรวง )
กฎกระทรวงการแบ่งส่วนราชการของ
สอศ. พ.ศ. 2546 แบ่งออกได้เป็น 7 สำนัก(1) สำนักอำนวยการ (2)สำนักความร่วมมือ (3) สำนักติดตามและประเมินผลการศึกษา ( 4 )
สำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา ( 5 )
สำนักพัฒนาสมรถนะครูและบุคลากรทางการศึกษา (6 ) สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ (
7 )สำนักวิจัยและพัฒนาอาชีวศึกษา
19.การแบ่งส่วนราชการในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ตราเป็นระเบียบบริหารสถานศึกษา พ.ศ. 2552 ประกอบด้วย 4 ฝ่าย (1)
ฝ่ายบริหารทรัพยากร (8งาน) (2)
ฝ่ายแผนงานและความร่วมมือ ( 6งาน) (3)
ฝ่ายพัฒนากิจการนักเรียนนักศึกษา (6งาน) (4) ฝ่ายวิชาการ (แผนกวิชา+6งาน) 8+6+6+6
20. มาตรา45(1)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอาจมอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเลขาธิการหรือหัวหน้าส่วนราชการซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่าอธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาในระดับปริญญาตรีในสังกัด
หรือผู้ว่าราชการจังหวัด (ไม่ได้มอบให้
ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
และผู้อำนวยการสถานศึกษา)
21. เมื่อได้มีการมอบอำนาจโดยชอบแล้ว
( เว้นแต่ กรณีการมอบอำนาจให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดจะมอบอำนาจนั้นต่อไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารแผ่นดินก็ได้
(การปฎิบัติราชการแทน )หมายความว่า การมอบอำนาจให้ผู้อื่นปฎิบัติราชการ โดยผู้มอบอำนาจยังสามารถปฎิบัติหน้าที่ได้
22.ในกรณีสถานศึกษาไม่มีผู้ใดในสถานศึกษานั้นรักษาราชการแทนให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาแต่งตั้งข้าราชการในสถานศึกษานั้นรักษาราชการแทน
โดยให้ถึงการจัดลำดับอาวุโส(
1 ) ตำแหน่ง( 2 )
การดำรงในระดับนั้นก่อน ( 3 ) เงินเดือน ( 4 ) อายุราชการ ( 5 ) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ( 6
) อายุตัว
23. วิชาชีพ หมายความว่า
วิชาชีพทางการศึกษา
ที่ทำหน้าที่หลัก ดังนี้ ( 1 ) ทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ
(ครู)( 2 ) รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา(ผู้บริหารสถานศึกษา)
24. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา หมายความว่าครู ผู้บริหารสถานศึกษา
ผู้บริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก์
25. สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกว่า คุรุสภา มีฐานะเป็น นิติบุคคลใน กำกับของกระทรวงศึกษาธิการ
26. อำนาจหน้าที่ของคุรุสภา มี 15 ข้อ ข้อที่สำคัญมี 3 ข้อ
( 1 ) กำหนดมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ( 2)
ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอประกอบวิชาชีพ ( 3 ) พักใช้ใบอนุญาต
หรือ เพิกถอนใบอนุญาต
27.คณะกรรมการคุรุสภา มีจำนวน 39 คน ประธานกรรมการ ได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ มีวาระการดำรงตำแหน่ง
คราวละ 4 ปี
ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน
28. คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ มีอำนาจหน้าที่ 7 ข้อ ข้อที่สำคัญ คือพิจารณาการออกใบอนุญาต
พักใช้ใบอนุญาต หรือเพิกถอนใบอนุญาต
29. คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาติประกอบวิชาชีพ
1. มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบริบูรณ์ 2.มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง 3. ผ่านการปฎิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษา เป็นเวลาอย่างน้อย หนึ่งปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฎิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
30. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มี 4 ประเภท ได้แก่
( 1 ) ใบประกอบวิชาชีพครู( 2 )ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา
( 3 ) ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา ( 4 ) ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ( ศึกษานิเทศก์ )
31. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู มีอายุการใช้ได้เป็นเวลา
ครั้งละ 5 ปี
นับแต่วันออกใบอนุญาต
ผู้ประสงค์ขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ยื่นคำขอต่อเลขาธิการคุรุสภาก่อนที่ใบอนุญาตหมดอายุ ไม่น้อยกว่า 180 วัน ใบอนุญาตสิ้นสุดลงในกรณี ต่อไปนี้ (1) ใบอนุญาตหมดอายุ (2) ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต (3) ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
32.คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง
ดังต่อไปนี้ (1) ยกข้อกล่าวหา (2)
ตักเตือน (3)
ภาคทัณฑ์ (4)
พักใช้ใบอนุญาต (ไม่เกิน 5ปี) (5)
เพิกถอนใบอนุญาต (ล่วงเลย 5 ปี) จึงขอใหม่ได้ คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ไม่ต่อใบอนุญาต ไม่ออกใบอนุญาต หรือไม่ออกใบแทนใบอนุญาต ผู้ยื่นคำขอมีสิทธิอุธรณ์ต่อคณะกรรมการคุรุสภาภายใน
30 วัน ถ้าผู้อุธรณ์เห็นว่าคำวินิจฉัยไม่เป็นธรรมให้อุธรณ์ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองภายในเก้าสิบวัน
นับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่ง
33.ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการบรรจุตามพระราชบัญญัติ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ให้ได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณจากเงินงบประมาณ แผ่นดิน งบบุคลากรที่จ่ายในลักษณะเงินเดือนของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม หรือกระทรวงที่อื่นที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
34.คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ
35.คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกโดยย่อ ว่า
ก.ค.ศ. มีจำนวน
28 คนประกอบด้วย (1+1+8+9+9) (1)ประธานกรรมการ(รมว.ศธ.) (2) รองประธานกรรมการ (ปลัดกระทรวงศธ. ) (3) กรรมการโดยตำแหน่ง จำนวนแปดคน (เดิม 5 คน ) ( 4
) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน ( เดิม 7
คน) (4) กรรมการผู้แทนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง 9
คน ( เดิม 7 คน )
36. การดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้
ให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีโดยยึดถือ
(1) ระบบคุณธรรม ความเสมอภาคระหว่างบุคคล
(2) การเลือกปฎิบัติโดยไม่เป็นธรรม
เพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความเชื่อทางศาสนาจะกระทำมิได้
37. มาตรา 30
คุณสมบัติผู้ซึ่งจะเข้ารับราชการครู เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ( 1 ) มีสัญชาติไทย(ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติ
)( 2)มีอายุไม่ต่ำกว่า18ปีบริบูรณ์ ( สำหรับข้าราชการครูไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ) ( 3 )
เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ( 4
)ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (5) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ
หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดใน ก.ค.ศ.
38.
กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยโรค ตามมาตรา 30 ( 5 )
มี 5 โรค คือ
( 1 ) โรคเรื้อนในระยะติดต่อ หรือในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจของสังคม ( 2 ) วัณโรคระยะติดต่อ (3) โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฎอาการที่เป็นที่รังเกียจแก่สังคม (4)
โรคติดยาเสพติดให้โทษ) (5) โรคพิษสุราเรื้อรัง
39.มาตรา
38 (ก) ตำแหน่งซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้สอนในหน่วยงานการศึกษา มี 6 ตำแหน่ง
(1) ครูผู้ช่วย (สอนทุกระดับ) (2)ครู (สอนทุกระดับ) (3) อาจารย์ ( สอนระดับปริญญา ) ( 4 )
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (สอนระดับปริญญา) ( 5 ) รองศาสตราจารย์ (สอนระดับปริญญา) ( 6 ) ศาสตราจารย์ ( สอนระดับปริญญา)
40.มาตรา 39 วิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มี 4 วิทยฐานะ
( 1 ) ครูชำนาญการ (2)
ครูชำนาญการพิเศษ ( 3 ) ครูเชี่ยวชาญ ( 4 ) ครูเชี่ยวชาญพิเศษ
( ข้อสอบ
1. เรียกชื่อตำแหน่งให้ถูกต้อง
2. เรียกชื่อวิทยฐานะให้ถูกต้อง )
เช่น นายภักดี
รัตนมุขย์ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะ
ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
41.ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้เข้ารับตำแหน่งครูผู้ช่วย
ให้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาอย่างเข้ม เป็นเวลา 2 ปีก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู
42.การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
มี 3 กรณี ดังนี้
( 1 ) การย้ายกรณีปกติ ได้แก่ 1.1
การย้ายเพื่ออยู่รวมกับคู่สมรส
1.2 การย้ายเพื่อดูแลบิดามารดา 1.3 การย้ายกลับภูมิลำเนา (2)การย้ายกรณีพิเศษ ได้แก่ 2.1การย้ายติดตามคู่สมรส 2.2การย้ายเนื่องจากถูกคุกคามชีวิต
2.3 การย้ายเนื่องจากเจ็บป่วยรุนแรง ( 3 ) การย้ายเพื่อประโยชน์ราชการ 3.1 การย้ายเพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการในสถานศึกษา
3.2 การย้ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
43.การเลื่อนเงินเดือน ปีละ 2 ครั้ง ครั้งที่
1 สำหรับการปฎิบัติราชการในครึ่งปีแรก
(ในระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึงวันที่ 31 มีนาคม) โดยให้เลื่อนในวันที่ 1 เมษายนของปีที่จะเลื่อน การเลื่อนครั้งที่ 2
สำหรับการปฎิบัติราชการในครึ่งปีหลัง(ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1
เมษายนถึงวันที่ 30 กันยายน) โดยให้เลื่อนในวันที่ 1 ตุลาคม
ของปีที่จะเลื่อน
44.ความผิดที่ปรากฎชัดแจ้งไม่ร้ายแรง
(1) ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิด ยกเว้นความผิดโดยลหุโทษ ( 2
) กระทำความผิดวินัยไม่ร้ายแรง แล้วทำหนังสือสารภาพต่อผู้บังคับบัญชา
ความผิดที่ปรากฎชัดแจ้งที่ร้ายแรง
(1)
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก (2) กระทำความผิดวินัยร้ายแรง แล้วทำหนังสือสารภาพต่อผู้บังคับบัญชา (3)ขาดราชการเกิน 15 วันโดยไม่มีเหตุอันควร
45.ประธานกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์
46. ผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
พ.ศ. 2546 ได้แก่
(1)
รัฐมนตีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(2) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
(3)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
(4) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
47. เด็กใน พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 หมายความว่า
บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก
ตามพ.ร.บ. นี้ ได้แก่
( 1 ) เด็กที่มีฐานะยากจนและได้รับความลำบาก ( 2
) บิดามารดา หย่าร้าง ทิ้งร้าง ถูกคุมขังหรือแยกกันอยู่
และได้รับความลำบาก (3)
เด็กที่ต้องรับภาระครอบครับเกินวัย (4)
เด็กที่ไม่สามารช่วยเหลือตัวเองได้
48.เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก ตามพ.ร.บ. นี้ ได้แก่ ( 1 ) เด็กที่มีฐานะยากจนและได้รับความลำบาก
( 2 ) บิดามารดา หย่าร้าง ทิ้งร้าง ถูกคุมขังหรือแยกกันอยู่ และได้รับความลำบาก ( 3 )เด็กที่ต้องรับภาระครอบครับเกินวัย
(4) เด็กที่ไม่สามารช่วยเหลือตัวเองได้
49. สถานรับเลี้ยงเด็ก หมายความว่า สถานที่รับเลี้ยงเด็กที่มี อายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ และมีจำนวนคน ตั้งแต่ หกคนขึ้นไป
50.คณะกรรมการคุ้มครองเด็กมี 3
คณะ ได้แก่
( 1) คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธาน
(2) คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครประกอบด้วย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานกรรมการ
(3) คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด มี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ
51. คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นสตีรไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 (***อาชีวฯออกข้อสอบมาแล้ว** )
51. เด็กพิการ หมายความว่า เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย สมอง สติปัญญาหรือ
จิตใจไม่ว่าความบกพร่องนั้นจะมีมาแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลัง
52.การทารุณกรรม หมายความว่า การกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดๆ
จนเป็นเหตุให้เด็กเสื่อมเสียเสรีภาพ หรือ เกิดอันตรายต่อร่างกาย หรือจิตใจ
การกระทำความผิดทางเพศต่อเด็ก
การใช้เด็กให้กระทำ
หรือประพฤติในลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ หรือขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี
ทั้งนี้ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
53.โทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มี
10 ข้อ
ข้อที่ 10 จำหน่าย แลกเปลี่ยน
หรือให้สุรา หรือบุหรี่แก่เด็ก
เว้นแต่การปฎิบัติทางการแพทย์
54.เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์มี 8 ประเภท
ได้แก่ (1)
เด็กเร่ร่อนหรือเด็กกำพร้า (2) เด็กที่ถูกทอดทิ้ง (3) เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้(4) เด็กที่ผู้ปกครองมีพฤติกรรมหรือประกอบอาชีพไม่เหมาะสม
(5)เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ (6)เด็กพิการ (7) เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก
(8)
เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการสงเคราะห์
55.ในกรณีบุคคลได้รับการสงเคราะห์
มีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
แต่ยังอยู่ในสภาพที่จำเป็นจะต้องได้รับการสงเคราะห์ต่อไป ปลัดกระทรวง
หรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณีอาจสั่งให้บุคคลนั้นได้รับการสงเคราะห์ต่อไป
จนอายุยี่สิบปีบริบูรณ์
แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องให้การสงเคราะห์ต่อไปอีก
และบุคคลนั้นมิได้คัดค้าน แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินเวลาที่บุคคลนั้นมีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์
56. มาตรา 3 คนพิการหมายความว่า บุคคลมีข้อจำกัดในการปฎิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคม เนื่องจากมีความบกพร่องทางการเห็นการได้ยิน การเคลื่อนไหว การสื่อสาร จิตใจอารมณ์ พฤติกรรม สติปัญญา การเรียนรู้
57.มาตรา 3 ผู้ดูแลคนพิการ หมายความว่า บิดา มารดา ผู้ปกครอง บุตร สามี ภรรยา ญาต พี่น้อง
หรือบุคคลอื่นที่รับเลี้ยงอุปการะคนพิการ
58.เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก
หมายความว่า
เครื่องมือ
อุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์
หรือบริการที่ใช้สำหรับคนพิการโดยเฉพาะ
59.มาตรา 3 ครูการศึกษาพิเศษ หมายความว่าครูที่มีวุฒิการศึกษาพิเศษสูงกว่าระดับปริญญาตรีขึ้นไปและปฎิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน
60.มาตรา 3 สถานศึกษาเฉพาะความพิการ หมายความว่า สถานศึกษาของรัฐหรือเอกชนที่จัดการศึกษาสำหรับคนพิการโดยเฉพาะ
ทั้งในลักษณะอยู่ประจำ ไป-กลับ และรับบริการถึงบ้าน
61.มาตรา 3 คณะกรรมการในพ.ร.บ.การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ
พ.ศ. 2551 หมายความว่า
คณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ
62.มาตรา 5 คนพิการมีสิทธิทางการศึกษา ดังนี้
( 1
) ได้รับการศึกษาโดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการตลอดชีวิตพร้อมทั้งได้รับเทคโนโลยี
สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา (2 )
เลือกบริการทางการศึกษาสถานศึกษาระบบ และรูปแบบการศึกษาโดยคำนึงถึงความสามารถ ( 3 )
ได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานและประกันคุณภาพการศึกษา
63.คนพิการมี 9ประเภท
ได้แก่ (1)
บุคคลที่มีความบกพร่องทางด้านการเห็น ( 2 ) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
( 3 )
บุคคลทีมีความบกพร่องทางสติปัญญา ( 4) บุคคลที่มีความบกพร่องทางการทางร่างกายและการเคลื่อนไหวหรือสุขภาพ ( 5) บุคคลที่มีปัญหาการเรียนรู้ (6) บุคคลที่มีความบกพร่องทางทางการพูดและภาษา (7) บุคคลที่มีพฤติกรรมหรืออารมณ์ (8)บุคคลออทิสติก (9)บุคคลพิการซ้อน
(หลักเกณฑ์การแบ่งประเภทคนพิการ ให้จัดทำเป็นประกาศกระทรวงศึกษาธิการ)
64.มาตรา 21 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้น เรียกว่า กองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ
ในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้จ่ายในการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการอย่างเป็นธรรมและทั่งถึง
65.มาตรา 22 ให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนคณะหนึ่ง ประกอบด้วย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ
66.วัฒนธรรมไทยแบ่งออกเป็น 4
ประเภท ได้แก่
(
1 )
วัตถุธรรม ( 2) คติธรรม ( 3 )เนติธรรม ( 4 ) สหธรรม
67.
วัตถุธรรม เป็นวัตถุธรรมทางวัตถุที่สมาชิกที่สมาชิกร่วมกันประดิษฐ์
และกำหนดความหมายหรือวิธีการใช้ เช่นบ้านเรือน ถนนหนทาง เครื่องแต่งกาย
สิ่งประกอบความเป็นอยู่รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค
68.คติธรรม เป็นวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับหลักในการดำเนินชีวิต คุณธรรมทางจิตใจ
อันเป็นคติหรือหลักการในการดำเนินชีวิต ส่วนใหญ่ได้มาจากศาสนา เช่นความเมตตากรุณา
ความกตัญญูกตเวทิตา
69.เนติธรรม
เป็นวัฒนธรรมทางกฎหมาย
และระเบียบข้อบังคับกฎเกณฑ์ หรือขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีความสำคัญเสมอด้วยกฎหมาย
บางอย่างแม้ไม่มีกฎหมายห้าม แต่ถ้ามีใครปฎิบัติก็เป็นที่รังเกียจของสังคม
เพราะถือกันว่าไม่ดี ไม่เหมาะสม หรือเราเรียกว่าจารีต เช่นการไม่เคารพบุพการี
การชิงสุกก่อนห่าม
70. สหธรรม เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต มารยาทที่พึงปฎิบัติในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมและประเพณีต่างๆ
เช่นมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่ มารยาทในโต๊ะอาหาร มารยาทในการเข้าหาสังคม
71.วัฒนธรรม
หมายถึง
การดำรงชีวิตของมนุษย์ที่แสดงถึงความเจริญงอกงามในการอยู่ร่วมกันเป็นการสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่แสดงออกในลักษณะของวัตถุและไม่ใช่วัตถุแล้วถ่ายทอดสืบกันมา
72.พรหมวิหารสี่ ประกอบด้วย เมตตา
กรุณา มุทิตา อุเบกขา
73.ประเพณีส่วนบุคคล หรือประเพณีเกี่ยวกับชีวิต
ได้แก่ประเพณีต่างๆที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่แรกเกิดจนตาย
เช่นการทำขวัญเด็กแรกเกิด บวชนาค แต่งงาน
พิธีศพ ทำบุญตักบาตร
74.ประเพณีส่วนรวมที่เกี่ยวกับเทศกาลต่างๆ เช่นประเพณีวันสงกรานต์
ประเพณีวันลอยกระทง ประเพณีทอดกฐิน ประเพณีทอดผ้าป่า
75.ประเพณีส่วนรวมของพระพุทธศาสนา
แบ่งออกเป็น 5
ประเภท ได้แก่
(1) ประเพณีวันมาฆบูชา ( 2) ประเพณีวันวิสาขบูชา (3) ประเพณีวันอาสาฬหบูชา
(4) ประเพณีวันเข้าพรรษา ( 5
) ประเพณีวันออกพรรษา
76.ประเพณีตักบาตรเทโว จังหวัดอุทัยธานี จะจัดในวันแรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ดโดยพระสงฆ์จำนวนกว่า
300 นำโดยพระสงฆ์กว่า 300 รูปนำ โดยพระพุทธรูปปางดาวดึงส์เดินลงบันไดจากมณฑปพระพุทธบาทเขาสะแกรังมารับบิณฑบาตร
77. ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ จังหวัดเพชรบูรณ์
จัดในช่วงสารทไทยตรงกับวัน 15
ค่ำเดือนสิบ
78. หน่วยงานที่รับผิดชอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชื่อ
สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เรียกโดยย่อว่า “สศช.”
79.แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับปัจจุบัน
เป็น ฉบับที่ 12
( 2560 – 2564 )
80 มิติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับ 12 มี 2 ประการ ได้แก่
1. มิติเศรษฐกิจ 2.
มิติสังคมและสิ่งแวดล้อม
81.วิสัยทัศน์แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 “ ประเทศมีความมั่นคง
มั่งคั่ง และยั่งยืน”
82.นโยบายหลักของ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา มี 11 ด้าน
83.โร้ดแม็บแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาล แบ่งออกเป็น 3 ระยะ
(1) ยับยั้งความแตกแยก, ยุติการใช้กำลังอาวุธสงครามก่อความรุนแรง ( 2
) ประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว,จัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, จัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, จัดตั้งสภาปฎิรูปแห่งชาติและคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อวางรากฐานทางารเมืองเศรษฐกิจและสังคม ( 3
) ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร การจัดการเลือกตั้ง
84.นโยบายการศึกษาข้อที่ 4 ( 1
) จัดให้มีการปฎิรูปการศึกษา
และการเรียนรู้(2) พัฒนาการศึกษาในระบบและการศึกษาทางเลือก (
3 ) คูปองการศึกษา (
4 )
กระจายอำนาจการบริหารจัดการศึกษาโดยให้สถานศึกษาสามารถเป็นนิติบุคคล ( 5 )
พัฒนาการผลิตและพัฒนาครูที่มีคุณภาพและมีจิวิญญาณของความเป็นครูเน้นมีวุฒิตามวิชาที่สอน
( 6 ) เรียนระบบทางไกล ( 7 )
ส่งเสริมอาชีวและวิทยาลัยชุมชน ( 8 ) สนับสนุนการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านและวัฒนธรรมสากล
85.นโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการที่สำคัญเกี่ยวกับอาชีวศึกษา
1. โครงการสานพลังประชารัฐด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ โดยมีภารกิจเร่งด่วน
4 เรื่อง
- Re – braning
- Excellence Model
School
- Database
- Standard and
Certification Center
2. ทวิภาคี ( Dual System )
3.
ทวิศึกษา (
Dual
Education )
4.
ทวิวุฒิ (
Dual
Degree )
5. โครงการฝึกอบรมระยะสั้นฐานสมรรถนะ
86.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน ชื่อ นพ.ธีรเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
87. เสาหลัก 3
เสาหลักแห่งอาเซียน ประกอบด้วย
( 1 )
ประชาคมการเมืองและความมั่นคง : ASC ( ASEAN
Security Communty )
( 2
) ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม : ASCC ( ASEAN
Culture Community )
( 3 ) ประชาคมเศรษฐกิจ : AEC ( ASEAN
Economic Community )
88.อาเซียน + 3 ประกอบด้วย
89.อาเซียน + 6 ประกอบด้วย
ประเทศอาเซียน 10 ประเทศ + จีน
+ ญี่ปุ่น + เกาหลีใต้ + ออสเตรเลีย + นิวซีแลนด์
+ อินเดีย
90.มาตรา 20 การจัดการอาชีวศึกษาการฝึกอบรมวิชาชีพให้จัดในสถานศึกษาของรัฐ
สถานศึกษาของเอกชน สถานประกอบการหรือโดยความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการหรือโดยความร่วมมือ ระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย
การอาชีวศึกษาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
91.มาตรา 13 สถานศึกษาอาชีวศึกษาสามารถรวมกันเป็นสถาบันได้
การรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษา เพื่อจัดตั้งเป็นสถาบันให้กระทำได้โดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และคำนึงถึงการประสานความร่วมมือให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
ทั้งนี้ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน กฎกระทรวง
92.มาตรา 8 การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพให้จัดได้ โดยรูปแบบ ดังต่อไปนี้ ( 1 ) การศึกษาในระบบ ( 2 ) การศึกษาในระบบ ( 3) การศึกษาระบบทวิภาคี
93.มาตรา 9 การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ ให้จัดตามหลักสูตรที่กรรมการการอาชีวศึกษากำหนด
ดังต่อไปนี้ ( 1 ) ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ( 2 )ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
( 3 ) ปริญญาสายเทคโนโลยีหรือสายปฎิบัติการ
94. มาตรา 15 ให้สถาบันตามมาตรา 13 และมาตรา 14
เป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการ
ในสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา
95.มาตรา 17 สถาบันอาจแบ่งส่วนราชการ ดังต่อไปนี้
( 1
) สำนักงานผู้อำนวยการสถาบัน
( 2 ) วิทยาลัย
( 3 ) สำนัก ( 4) ศูนย์
96.มาตรา
23 ให้มีคณะกรรมการสภาสถาบันในสถาบันแต่ละแห่ง
จำนวนไม่เกินสิบสี่คน
97.มาตรา 38 คณาจารย์ประจำซึ่งสอนชั้นปริญญาในสถาบันมีตำแหน่งทางวิชาการ
ดังต่อไปนี้
(1) ศาสตราจารย์ ( 2 ) รองศาสตราจารย์ ( 3 ) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ( 4 ) อาจารย์
98. มาตรา 58 ผู้ใดใช้ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ ครุยประจำตำแหน่ง เครื่องแบบเครื่องหมายหรือเครื่องแต่งกายของนักศึกษาหรือสิ่งใดที่เลียนแบบสิ่งดังกล่าว
โดยไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ หรือแสดงด้วยประการใดๆ
ว่าตนมีตำแหน่งใดในสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันการอาชีวศึกษา หรือปริญญา
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
99.ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ได้แก่ พลเอกสุรยุทธ์ จุฬานนท์
1. Thailand 4.0 เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบายที่เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม ไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย "
นวัตกรรม "
โมเดล ของไทยแลนด์ 4.0
คือ " มั่นคง
มั่งคั่ง และยั่งยืน "
2. Industire 4.0 หรือการปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
หมายถึงรูปแบบการจัดการอุตสาหกรรม
โดยการการนำสารสนเทศมาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีอุตสาหกรรมชื่อเรียกนี้มีที่มาจากโครงการ
Industrie 4.0 ของรัฐบาลเยอรมัน โดยนำระบบ
ดิจิตอลมาเป็นแกนหลัก
3. Smart Farming (เกษตรผู้ประกอบการ)
หมายถึงการบริหารจัดการเกษตรแผนใหม่โดยการใช้"เทคโนโลยี "
4.Educaton to Employment : Vocational Boot Camp เป็นนโยบายของรมว.ศธ.คนใหม่ร่วมกับ สอศ. โครงการ "ฝึกอบรมระยะสั้นฐานสมรรถนะ" ฟรี โดยจัดหลักสูตรทั้ง อุตสาหกรรมเดิม ( First S – Curve) และอุตสาหกรรมใหม่ ( New S - Curve )
5. First S - Curve เชื่อมโยงกับข้อที่ 4 เป็นหลักสูตรอาชีพเดิมที่มีอยู่ในหลักสูตรอาชีวศึกษาอยู่แล้ว
6. New S – Curveเชื่อมโยงกับข้อที่ 4เป็นหลักสูตรอาชีพใหม่เช่นรถไฟความเร็วสูงพลังงานแห่งอนาคต , สมาร์ทฟาร์มเมอร์ ฯลฯ
7. Competitive Workforce เป็นนโยบายที่สำคัญนโยบายหนึ่งของ สอศ. ชื่อโครงการสานพลังประชารัฐด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ โดยมีภารกิจเร่งด่วน 4 เรื่อง คือ 1 ) Re-branding , Excellence Model School, Standard and Certification Center 2) ทวิภาคี ( Dual System ) 3) ทวิศึกษา ( Dual Educaton )
4) ทวิวุฒิ ( Dual Degree )
8. Re - brandig หมายถึงการจูงใจให้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเห็นความสำคัญของการเรียนอาชีวศึกษาและสนใจเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น
9. Excellence Model School หมายถึง กำหนดความหมายและขอบเขตของสถานศึกษาที่ดีด้านอาชีวศึกษา
10. Standard and Certifcaton Center หมายถึง การจัดทำและหาทางเลือกที่เหมาะสมร่วมกันในการสร้างมาตรฐานวิชาชีพอาชีวศึกษาให้เป็นที่ยอมรับและนำไปใช้อย่างทั่วถึงทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน
11. Dual System หมายถึง การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ด้านการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีกับสาธารณรัฐออสเตรีย
12. Dual Education หมายถึงโครงการเรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษา และมัธยมศึกษาตอนปลาย
13. Dual Degree หมายถึง การจับคู่สถาบันอาชีวศึกษาไทย กับสถาบันอาชีวศึกษาต่างประเทศ โดยจัดทำวุฒิการศึกษาร่วมกัน สอศ.ได้จัดทำทวิวุฒิกับสาธารณรัฐเกาหลี อาทิ การท่องเที่ยว , เทคโนโลยีความงาม , และเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อนักศึกษาสำเร็จการศึกษาหลักสูตรแล้วจะได้รับวุฒิการศึกษา 2 ใบ จากทั้งสองประเทศ หรือเรียกว่า ทวิวุฒิ
14. นโยบายของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ส่งเสริมให้นักเรียนและนักศึกษาอาชีวะ มีคุณสมบัติ หรือทักษะสำคัญ คือ 3R และ 8C ได้แก่
3R คือ Reading - อ่านออก (W) Riting - เขียนได้, (A) Rithmatic - มีทักษะในการคิดคำนวณ
8C คือ
- Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะใน การคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ปัญหาได้
- Creativity and Inovation : คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม
- Collabolaton Teamwork and Leadership : ความร่วมมือทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ
- Communicaton Information and Media Literacy : ทักษะในการสื่อสารและการรู้เท่าทันสื่อ
- Cross - Cultural Understanding : เข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม กระบวนการคิดข้ามวัฒนธรรม
- Computing and ICT Literacy : ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ การรู้เท่าทันเทคโนโลยี
15. Stem Educaton คือ แนวทางการศึกษาที่ได้บูรณาการความรู้ระหว่างศาสตร์ต่างๆ เช่น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์( Scientific Inquiry ) ความรู้ทางเทคโนโลยี ( Technology) ความรู้ทางวิศวกรรม (Engineering ) และความรู้ทางคณิตศาสตร์ ( Mathamatics )รวมเข้าไว้ด้วยกัน
16. Start up คือ การเริ่มต้นธุรกิจเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด มีวิธีการหาเงินแบบทำซ้ำและขยายได้ง่าย ตัวอย่าง เช่น facebook หรือ youtube ต่างก็เคยเป็น Start up มาก่อน ตอนแรกให้ใช้ฟรี หลังๆถึงเริ่มมีโฆษณามากขึ้น มีรายได้มากขึ้น มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน
ติวสอบครูผู้ช่วย สอศ. ( ภายใน ) ที่จังหวัดมหาสารคาม
http://pakdee277.blogspot.com/2017/04/blog-post_25.html
4.Educaton to Employment : Vocational Boot Camp เป็นนโยบายของรมว.ศธ.คนใหม่ร่วมกับ สอศ. โครงการ "ฝึกอบรมระยะสั้นฐานสมรรถนะ" ฟรี โดยจัดหลักสูตรทั้ง อุตสาหกรรมเดิม ( First S – Curve) และอุตสาหกรรมใหม่ ( New S - Curve )
5. First S - Curve เชื่อมโยงกับข้อที่ 4 เป็นหลักสูตรอาชีพเดิมที่มีอยู่ในหลักสูตรอาชีวศึกษาอยู่แล้ว
6. New S – Curveเชื่อมโยงกับข้อที่ 4เป็นหลักสูตรอาชีพใหม่เช่นรถไฟความเร็วสูงพลังงานแห่งอนาคต , สมาร์ทฟาร์มเมอร์ ฯลฯ
7. Competitive Workforce เป็นนโยบายที่สำคัญนโยบายหนึ่งของ สอศ. ชื่อโครงการสานพลังประชารัฐด้านการยกระดับคุณภาพวิชาชีพ โดยมีภารกิจเร่งด่วน 4 เรื่อง คือ 1 ) Re-branding , Excellence Model School, Standard and Certification Center 2) ทวิภาคี ( Dual System ) 3) ทวิศึกษา ( Dual Educaton )
4) ทวิวุฒิ ( Dual Degree )
8. Re - brandig หมายถึงการจูงใจให้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเห็นความสำคัญของการเรียนอาชีวศึกษาและสนใจเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น
9. Excellence Model School หมายถึง กำหนดความหมายและขอบเขตของสถานศึกษาที่ดีด้านอาชีวศึกษา
10. Standard and Certifcaton Center หมายถึง การจัดทำและหาทางเลือกที่เหมาะสมร่วมกันในการสร้างมาตรฐานวิชาชีพอาชีวศึกษาให้เป็นที่ยอมรับและนำไปใช้อย่างทั่วถึงทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน
11. Dual System หมายถึง การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ด้านการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีกับสาธารณรัฐออสเตรีย
12. Dual Education หมายถึงโครงการเรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษา และมัธยมศึกษาตอนปลาย
13. Dual Degree หมายถึง การจับคู่สถาบันอาชีวศึกษาไทย กับสถาบันอาชีวศึกษาต่างประเทศ โดยจัดทำวุฒิการศึกษาร่วมกัน สอศ.ได้จัดทำทวิวุฒิกับสาธารณรัฐเกาหลี อาทิ การท่องเที่ยว , เทคโนโลยีความงาม , และเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อนักศึกษาสำเร็จการศึกษาหลักสูตรแล้วจะได้รับวุฒิการศึกษา 2 ใบ จากทั้งสองประเทศ หรือเรียกว่า ทวิวุฒิ
14. นโยบายของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ส่งเสริมให้นักเรียนและนักศึกษาอาชีวะ มีคุณสมบัติ หรือทักษะสำคัญ คือ 3R และ 8C ได้แก่
3R คือ Reading - อ่านออก (W) Riting - เขียนได้, (A) Rithmatic - มีทักษะในการคิดคำนวณ
8C คือ
- Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะใน การคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ปัญหาได้
- Creativity and Inovation : คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม
- Collabolaton Teamwork and Leadership : ความร่วมมือทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ
- Communicaton Information and Media Literacy : ทักษะในการสื่อสารและการรู้เท่าทันสื่อ
- Cross - Cultural Understanding : เข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม กระบวนการคิดข้ามวัฒนธรรม
- Computing and ICT Literacy : ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ การรู้เท่าทันเทคโนโลยี
15. Stem Educaton คือ แนวทางการศึกษาที่ได้บูรณาการความรู้ระหว่างศาสตร์ต่างๆ เช่น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์( Scientific Inquiry ) ความรู้ทางเทคโนโลยี ( Technology) ความรู้ทางวิศวกรรม (Engineering ) และความรู้ทางคณิตศาสตร์ ( Mathamatics )รวมเข้าไว้ด้วยกัน
16. Start up คือ การเริ่มต้นธุรกิจเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด มีวิธีการหาเงินแบบทำซ้ำและขยายได้ง่าย ตัวอย่าง เช่น facebook หรือ youtube ต่างก็เคยเป็น Start up มาก่อน ตอนแรกให้ใช้ฟรี หลังๆถึงเริ่มมีโฆษณามากขึ้น มีรายได้มากขึ้น มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน
ติวสอบครูผู้ช่วย สอศ. ( ภายใน ) ที่จังหวัดมหาสารคาม
http://pakdee277.blogspot.com/2017/04/blog-post_25.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น